การบำรุงรักษาและการล้างเครื่องปรับอากาศ

%e0%b8%a3%e0%b8%b9%e0%b8%9b%e0%b8%8a%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b9%81%e0%b8%ad%e0%b8%a3%e0%b9%8c%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b9%8c%e0%b8%95%e0%b8%b9%e0%b8%99

การบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศเบื้องต้น

เพื่อให้เครื่องปรับอากาศทำงานอย่าง เต็มประสิทธิภาพ และมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน จึงควรหมั่นดูแลบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งสามารถแบบทำเองได้โดยทำความสะอาดอุปกรณ์เบื้องต้น ดังนี้

  1. แผ่นกรองอากาศ (Filter) ถอดแผ่นกรองอากาศมาล้างทำความสะอาดด้วยน้ำเปล่า โดยฉีดน้ำที่บริเวณด้านหลังของแผ่นกรองอากาศ (ด้านที่ไม่ได้รับฝุ่น) ให้ฝุ่นและสิ่งสกปรกหลุดออก จากนั้นตากให้แห้งแล้วใส่กลับคืน หรือถ้าเป็นแบบเส้นใยอลูนิเมียมถัก (หรือแบบเส้นใยไนล่อน) ก็อาจใช้แปรงที่มีขมนิ่มๆ เช่น แปรงสีฟัน หรือแปลงทาสีช่วยปัดฝุ่นด้วยก็ได้
  2. แผงขดท่อคอล์ยเย็น ทำความสะอาดได้โดยใช้แปรงสีฟัน หรือแปรงทาสี ปัดเอาฝุ่นที่ยึดเกาะอยู่ให้ออกก่อนด้วยการลากแปรงลงตามแนวล่องของแผ่นครีบอ ลูมิเนียม แล้วจากนั้นค่อยเอาน้ำล้างเพื่อให้ฝุ่นที่เหลือหลุดตามน้ำออกมา ทุก 6 เดือน การทำความสะอาด แผ่นกรองอากาศนั้นสามารถทำสัปดาห์ละครั้ง หรือเดิอนละ 2 ครั้ง ขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งาน เพื่อให้เครื่องปรับอากาศระบายลมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
  3. แผงขดท่อระบายความร้อน (คอล์ยร้อน) เช่นเดียวกับการทำความสะอาดแผงขดท่อคอล์ยเย็น สามารถทำได้โดยใช้แปรงนิ่มๆ และน้ำฉีดล้างได้ แต่ต้องระวังไม่ให้น้ำกระเด็นเข้าไปเปียกแผงอุปกรณ์ไฟฟ้า ระยะเวลาในการล้างทำความสะอาดชุดคอยล์ร้อนควรล้างทุก 6 เดือน เพื่อให้เครื่องสามารถรันน้ำยาไล่ระบบความร้อนและความเย็นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  4. ใบพัดลม ทำความสะอาดด้วยแปรงขนาดเล็ก เพื่อเอาฝุ่นที่จับกันเป็นแผ่นแข็งและติดกันอยู่ตามซี่ใบพัดออก ทุก 6 เดือน จะทำให้พัดลมส่งลมได้เต็มที่
  5. หน้ากากรับลมและหน้ากากจ่ายลม สามารถทำความสะอาดได้โดยปัดฝุ่น หรือใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดถู หรือถ้าสามารถถอดออกได้จะนำไปล้างน้ำก็ได้

หมายเหตุ เพื่อการใช้งาน การดูแลบำรุงรักษา และการตรวจซ่อมเครื่องปรับอากาศให้ถูกต้อง เหมาะสมกับสภาพและรูปแบบของเครื่องปรับอากาศแต่ละเครื่อง ควรศึกษาทำความเข้าใจเอกสารคู่มือที่ให้มาพร้อมกับเครื่องปรับอากาศ และปฏิบัติตามคำแนะนำให้ถูกต้อง หรือ ติดต่อช่างบริการที่เชื่อถือได้เพื่อตรวจสอบเครื่องอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง

วิธีล้างเครื่องปรับอากาศ

1. เครื่องปรับอากาศทุกเครื่องต้องมีตารางการตรวจเช็คติดไว้ใกล้สวิทช์เปิด – ปิดทุกเครื่อง
หลังจากบำรุงรักษาเครื่องตามแผนแล้ว  ช่างต้องเซ็นชื่อปฏิบัติงานในตารางทุกครั้ง
และผู้ควบคุมงาน ต้องตรวจเช็คความเรียบร้อยและเซ็นชื่อในช่องผู้ควบคุมทุกครั้ง

  • ล้างย่อย รวม 2 ครั้งต่อปี   
  • ล้างใหญ่ รวม 1 ครั้งต่อปี

airclean_000

2. นำผ้าพลาสติกคลุมเฟอร์นิเจอร์ก่อนเริ่มทำความสะอาด โดยรอบข้างต้องไม่มีสิ่งกีดขวางการทำงานหรือการกางบันไดขณะจะทำการถอดเครื่องปรับอากาศ

airclean_01

3. ถอดโครงคอยล์เย็นออกทั้งหมดเพื่อทำความสะอาดภายใน และถอดชุด Blower Fancoil
เพื่อนำไปล้างทำความสะอาด

airclean_02

4.  ล้างทำความสะอาดคอยล์เย็นด้วยปั๊มน้ำแรงดันสูง มีถังรองรับน้ำขณะฉีดล้าง และผ้าซับน้ำขณะล้าง

airclean_03

5. เป่าแห้งหลังทำความสะอาดด้วยปั๊มน้ำแรงดันสูงจนแห้งสนิท

airclean_04

6. ล้างทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศด้วยปั๊มน้ำแรงดันสูง และเป่าแห้งเช็ดทำความสะอาดจนแห้งสนิท

airclean_05

7. ล้างทำความสะอาด Blower Fancoil ด้วยปั๊มน้ำแรงดันสูง, เป่าแห้ง, หยอดน้ำมันหล่อลื่น Motor Fancoil

airclean_06

8. ล้างทำความสะอาดท่อน้ำทิ้งและถาดน้ำทิ้งด้วยปั๊มน้ำแรงดันสูง และเป่าแห้ง

airclean_07

9. ล้างทำความสะอาดโครงเหล็กภายนอกด้วยปั๊มน้ำแรงดันสูง

airclean_08

10. ตรวจเช็คจุดต่อสายไฟภายในระบบ และยึดสกรูสายไฟให้แน่นหนา

airclean_09

11. ตรวจเช็คความเร็วรอบของมอเตอร์พัดลม และตรวจเช็คการทำงานของตัวควบคุมอุณหภูมิ เมื่อตรวจเช็คอุปกรณ์เรียบร้อยทำการประกอบอุปกรณ์ต่างๆเข้าที่เดิม

airclean_10

12. ถอดโครงคอยล์ร้อน (Condensing Unit) ออกทั้งหมดเพื่อทำความสะอาดภายในด้วยปั๊มน้ำ
แรงดันสูง เป่าแห้ง, หยอดน้ำมันหล่อลื่น Motor Condensing และทำความสะอาดโครงเหล็ก

airclean_11

13. ตรวจเช็คจุดต่อสายไฟภายในระบบ และยึดสกรูสายไฟให้แน่นหนา

airclean_12

14. ตรวจเช็คปริมาณน้ำยาในระบบ ตรวจเช็คความดัน ทั้งด้าน High Pressure และด้าน Low Pressure
ให้ได้ตามปริมาณที่กำหนดของเครื่อง พร้อมทั้งเช็คกระแสของคอมเพรสเซอร์ เมื่อตรวจเช็คระบบเรียบร้อย เก็บของทำความสะอาดโดยรอบและทำความสะอาดเครื่องมือ เก็บใส่กล่องเครื่องมือให้เรียบร้อย

airclean_13

Posted in การบำรุงรักษาละการล้างเครื่องปรับอากาศ | Leave a comment

แอร์

้สวววววววววววววววววว

Posted in การบำรุงรักษาละการล้างเครื่องปรับอากาศ | Leave a comment

ทดสอบการแนบเนื้อหา

นักศึกษาสามารถดาวน์โหลดข้อมูลการศึกษา 4.0 ได้ตามลิ้งค์ด้านล่างนะครับ

click pdf filelectures27062557_07

file doctwenty-firth

 

Posted in Uncategorized | Leave a comment

การติดตั้งเครื่องปรับอากาศ

การติดตั้งเครื่องปรับอากาศ

การติดตั้งเครื่องปรับอากาศ

ในที่นี้จะกล่าวเฉพาะเครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วน(Split Type) ที่ใช้ตามบ้านทั่วๆไปก่อนดังนี้

การเลือกตำแหน่งติดตั้งเครื่องปรับอากาศ

ตำแหน่งคอนเด็นซิ่งยูนิต ( CDU ) ที่เหมาะสม

1. บริเวณที่ติดตั้งเครื่องต้องแข็งแรงสามารถรับน้ำหนักและแรงสั่นสะเทือนจากการทำงานได้

2.ในกรณีที่คอนเด็นซิ่งตั้งวางบนพื้นดินต้องทำฐานรองรับเครื่องด้วยคอนกรีต

3. ติดตั้งในบริเวณที่อากาศถ่ายเทได้สะดวกและห่างจากมุมอับ

4. บริเวณที่ติดตั้งต้องมีการระบายน้ำได้ดีหรือที่ที่น้ำท่วมไม่ถึง

5. การวางคอนด็นซิ่งยูนิตควรมีลูกยางรองเพื่อลดแรงสั่นสะเทือนจากการทำงานของตัวเครื่อง

6. ควรวาง CDU ให้ห่างจากพื้นที่ใช้สอยทั่วไปเพื่อหลีกเลี่ยงจากปัญหาเรื่องเสียงรบกวน

7. อย่าตั้งเครื่องชิดกับคอนเด็นซิ่งยูนิตอื่นหรือผนังเพราะทำให้ระบายความร้อนยาก

8. หลีกเลี่ยงการติดตั้งในสภาพแวดล้อมที่ไม่ดี เช่น มีความเป็นกรดสูง,แสงแดดแรงหรือมีน้ำหยด

9. ควรวาง CDU ในบริเวณที่สามารถเข้าไปตรวจซ่อมภายหลังได้อย่างสะดวก

ตำแหน่งแฟนคอยล์ยูนิต ( FCU) ที่เหมาะสม

1. ตั้งในบริเวณที่สามารถกระจายลมได้ทั่วทั้งห้องอย่าติดตั้งเครื่องในมุมอับ

2. อย่าให้สิ่งของกีดขวางทางไหลของอากาศเพราะจะทำให้อากาศหมุนเวียนไม่สะดวก

3. บริเวณที่ติดตั้งเครื่องต้องแข็งแรงสามารถรับน้ำหนักและแรงสั่นสะเทือนจากการทำงานได้

4. หลีกเลี่ยงการวาง FCU ใกล้กับประตู, หน้าต่างหรือพัดลมดูดอากาศ

5. ควรวาง FCU ในบริเวณที่สามารถตรวจซ่อมภายหลังได้อย่างสะดวก

6. อย่าตั้งชิดผนังที่โดนแดดจัดเพราะจะทำให้ได้รับความร้อนจากภายนอกได้ง่าย

7. พยายามติดตั้งแฟนคอยล์ยูนิตให้อยู่ใกล้กับคอนเด็นซิ่งยูนิตจะทำให้ประสิทธิภาพสูงสุด

 


การติดตั้งท่อน้ำยา

ระบบท่อน้ำยานับว่าเป็นส่วนที่มีความสำคัญมากที่สุดในการติดตั้งเครื่องปรับอากาศแบบแยก ส่วนการเลือกใช้ขนาดท่อที่มีขนาดเล็กเกินไปจะมีผลทำให้เกิดปัญหาตามมาเช่น ทำให้ประสิทธิ ภาพของเครื่องต่ำลงหรือความดันตกคร่อม (Pressure Drop) ระหว่างท่อมากเกินไป เป็นต้น ดังนั้นในการเลือก ใช้ขนาดท่อน้ำยาต้องคำนึงถึง

1. PIPE DIAMETER ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของท่อน้ำยา

2. PIPE LENGTH ความยาวท่อน้ำยา

3. NUMBER OF FITTINGS จำนวนของข้อต่อต่างๆ เช่น ข้องอ

4. FLUID VELOCITY ความเร็วในการเคลื่อนที่ของสารทำความเย็น

การเลือกใช้ท่อน้ำยาควรเลือกตามคู่มือติดตั้งเครื่องปรับอากาศนั้นๆ แต่ถ้าไม่ทราบก็สามารถหา ขนาดคร่าวๆได้จากแผนผังคำนวณขนาดท่อน้ำยาซึ่งโดยทั่วไปกำหนดความดันตกคร่อมด้านดูด (Suction Line Pressure Drop) 2 PSI/100 FT และความดันตกคร่อมด้านส่ง (Discharge Line PressureDrop) 4 PSI/100 FT.

นอกจากการเลือกใช้ขนาดท่อน้ำยาที่ถูกต้องแล้ว การเดินท่อน้ำยายังต้องทำอย่างถูกหลักการอีก ด้วยจึงจะทำให้เครื่องทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ระบบท่อน้ำยาต้องทำความสะอาดให้ดีและ แห้งและในการเดินท่อน้ำยาต้องคำนึงถึงความเร็วของไอน้ำยาให้มากพอที่จะพาน้ำมันหล่อลื่น กลับคอมเพรสเซอร์ด้วย ดังนั้นในการติดตั้งคอนเด็นซิ่งและอีวาพอเรเตอร์ในระดับที่ต่างกันจะ ต้องคำนึงถึง

1. การติดตั้งอีวาพอเรเตอร์ต่ำกว่าคอนเด็นซิ่ง จะมีผลให้น้ำมันกลับเข้าคอมเพรสเซอร์น้อยเพราะ คอมเพรสเซอร์อยู่สูงกว่า ดังนั้นการเดินท่อด้านดูดต้องคำนึงถึงความดันตกคร่อมและเรื่องน้ำมัน กลับด้วย

2. การติดตั้งคอนเด็นซิ่งต่ำกว่าอีวาพอเรเตอร์ จะมีผลให้ความดันตกลงเพราะคอมเพรสเซอร์ต้อง อัดน้ำยาขึ้นที่สูง ดังนั้นการเดินท่อด้านส่งต้องคำนึงถึงความดันตกคร่อมจากความเสียดทานและ การเดินท่อในแนวดิ่ง

การเดินท่อน้ำยาด้านดูดเมื่อตำแหน่งการวางอีวาพอเรเตอร์และคอนเด็นซิ่งอยู่ในลักษณะต่างๆ เป็นดังนี้

1. เมื่อคอนเด็นซิ่งอยู่เหนืออีวาพอเรเตอร์

ให้ทำที่กักน้ำมัน(Oil Trap) เพื่อให้แน่ใจว่า น้ำมันที่อยู่ในระบบจะไหลกับขึ้นไปยังคอม เพรสเซอร์ การทำที่กักน้ำมันควรทำให้ใกล้ อีวาพอเรเตอร์ที่สุดเท่าที่จะทำได้

2. เมื่อคอนเด็นซิ่งอยู่เหนืออีวาพอเรเตอร์ให้ทำที่กักน้ำมันทุกๆช่วงความสูง 4.5 ม. ทั้งนี้เพื่อให้เก็บกักน้ำมันเอาไว้ในขณะ ที่คอมเพรสเซอร์เริ่มทำงานอีกครั้ง น้ำมัน จากที่กักน้ำมันนี้จะถูกดูดไปหล่อลื่นคอม เพรสเซอร์ได้ทันที (ไม่ควรเดินท่อในแนวดิ่งสูงเกินกว่า 15 ม.)

การเดินท่อน้ำยาต่อระบบทำความเย็นยาวเกิน 10 เมตร จะต้องเติมน้ำมันหล่อลื่นเพิ่มเติมเพื่อ ชดเชยผลของฟิล์มน้ำมันที่ตกค้างผิวด้านในของท่อดูด ตามอัตราตารางต่อไปนี้ต่อทุกๆความยาว 1 เมตรที่เดิน การเติมน้ำมันให้ดูจาก OIL SIGHT GLASS (ถ้ามี) โดยให้อยู่ในช่วง 1/2 ถึง 3/4 ของ OIL SIGHT GLASS

ขนาดท่อ อัตราเติมน้ำมันต่อทุกความยาว 1 เมตร
3/8 7.5 มิลลิเมตร (ซี.ซี)
1/2 10 มิลลิเมตร (ซี.ซี)
5/8 20 มิลลิเมตร (ซี.ซี)
3/4 30 มิลลิเมตร (ซี.ซี)
7/8 40 มิลลิเมตร (ซี.ซี)
1-1/8 50 มิลลิเมตร (ซี.ซี)

เมื่อเดินท่อน้ำยาผ่านผนัง,กำแพง ควรบุหรือห่อด้วยฉนวน ซึ่งสามารถลดการสั่นสะเทือนได้ ส่วน ท่อด้านดูดต้องหุ้มฉนวนตลอดความยาวของท่อ ฉนวนที่ใช้หุ้มท่อนี้ต้องมีความหนาอย่างน้อย 1/2 นิ้ว โดยปกติแล้วท่อด้านส่งไม่จำเป็นต้องหุ้มฉนวน ยกเว้นในกรณีที่เดินท่อผ่านบริเวณที่มี อุณหภูมิสูง เช่น ห้องหม้อน้ำหรือกลางแดดร้อนจัด ควรจะใช้ฉนวนยางที่มีความหนาอย่างน้อย 3/8 นิ้ว หุ้มห่อด้านส่งด้วย และต้องเพิ่มความหนาของฉนวนด้านดูดขึ้นเป็นพิเศษด้วยอย่างน้อย หนา 3/4 นิ้ว

 


การติดตั้งท่อน้ำทิ้ง

ท่อน้ำทิ้งจัดว่าเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่ง ถ้าติดตั้งไม่ดีอาจมีผลให้น้ำไม่สามารถระบายออกและขัง อยู่ในตัวเครื่องจนล้นออกมาภายนอกสร้างความเสียหายให้บริเวณรอบๆเครื่องได้ ท่อน้ำทิ้งโดย มากจะใช้ท่อ S-LON หรือท่อ PVC โดยต่อออกจากตัวเครื่องอีวาพอเรเตอร์ ท่อน้ำทิ้งควรจะหุ้ม ฉนวนตรงบริเวณที่อาจจะเกิดมีการ condensate โดยเฉพาะถ้าเดินท่ออยู่ในฝ้าเพดาน นอกจาก นี้ท่อน้ำทิ้งควรทำ TRAP ด้วย

 


การบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศ

เพื่อให้เครื่องปรับอากาศทำงานเต็มประสิทธิภาพและมีอายุการใช้งานยาวนานจึงควรหมั่น ดูแลบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ มีข้อแนะนำโดยทั่วไปเกี่ยวกับการบำรุงรักษาดังนี้

1. หมั่นตรวจสอบและทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศของแฟนคอยล์ยูนิตทุกสองสัปดาห์

2. แผงอีวาพอเรเตอร์คอยล์และคอนเด็นเซอร์คอยล์ควรทำความสะอาด 3-6 เดือนต่อครั้ง

3. มอเตอร์พัดลมทั้งแฟนคอยล์ยูนิตและคอนเด็นซิ่งยูนิตต้องมีการตรวจเช็คทุก 6 เดือน และทำการหล่อลื่น โดยการอัดจาระบีหรือหยอดน้ำมันอย่างสม่ำเสมอ

4. ตรวจดูถาดน้ำทิ้ง ทำความสะอาดเพื่อให้การไหลของน้ำทิ้งเป็นไปอย่างสมบูรณ์

5. ตรวจดูทิศทางลมเข้าออกของแฟนคอยล์ยูนิต ต้องไม่มีวัสดุปิดขวางทางลม

6. ตรวจสอบและซ่อมแซมฉนวนท่อน้ำยาที่ต่อระหว่างคอนเด็นซิ่งยูนิตและแฟนคอยล์ยูนิต

7. ตรวจสอบหน้าต่างและประตูว่ามีรูรั่วทำให้อากาศร้อนจากภายนอกเข้าสู่อาคารหรือไม่

8. ติดต่อช่างบริการที่เชื่อถือได้เพื่อตรวจสอบเครื่องอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง

 


วิธีใช้เครื่องปรับอากาศอย่างประหยัด

การใช้ไฟฟ้าในบ้านเรือนหรืออาคารสำนักงานประมาณ 60% จะใช้กับระบบปรับอากาศ ฉะนั้น ถ้าใช้เครื่องปรับอากาศที่มีประสิทธิภาพต่ำหรือปล่อยให้มีความร้อนเกิดขึ้นภายในห้องโดยไม่ จำเป็นย่อมก่อให้ผู้ใช้เสียค่าไฟฟ้ามากกว่าความจำเป็น

การประหยัดไฟฟ้าสำหรับเครื่องปรับอากาศนั้นสามารถดำเนินการได้ด้วยวิธีการต่างๆทั้งวิธี การที่ไม่ต้องลงทุน และลงทุนเล็กน้อยซึ่งผลจากการดำเนินงานนั้นจะไม่ทำให้ความสะดวก สบายที่ได้รับจากการใช้เครื่องปรับอากาศต้องลดน้อยลงแต่จะลดค่าไฟฟ้าลงจากปกติ วิธีการ ประหยัดมีดังต่อไปนี้

การเลือกเครื่องปรับอากาศที่เหมาะสม

1. เลือกเครื่องปรับอากาศที่มีประสิทธิภาพสูง คือ ให้ความเย็นมากแต่กินไฟน้อย โดยดูที่การ กินไฟฟ้าเป็นวัตต์ หรือแอมปโดยควรเลือกที่มีค่าน้อย หรือดูจากค่า COP หรือ EER (Energy Efficiency Ratio) ซึ่งค่ายิ่งสูงยิ่งดี

2. เลือกขนาดเครื่องปรับอากาศที่เหมาะสมกับห้อง

3. ควรเลือกอุปกรณ์ควบคุมอุณหภูมิหรือเทอร์โมสตัทที่มีความเที่ยงตรงสูง เช่น เทอร์โมสตัท ชนิดอิเล็กทรอนิกส์

4. เปลี่ยนเครื่องปรับอากาศใหม่ทดแทนเครื่องปรับอากาศเก่าที่มีประสิทธิภาพต่ำ เนื่องจาก ใช้งานมานาน การเปลี่ยนเครื่องใหม่ควรพิจารณาเครื่องที่มีประสิทธิภาพสูง

การลดความร้อนจากภายนอก

การลดความร้อนจากภายนอกที่ผ่านเข้ายังบริเวณที่ปรับอากาศโดยผ่านผนัง, หลังคาและพื้น โดยพิจารณาเป็นส่วนๆดังนี้

1. การลดความร้อนผ่านผนัง

1.1 ผนังกระจก เป็นสิ่งหนึ่งที่ความร้อนจากภายนอกสามารถแผ่เข้ามาได้มาก มีวิธีแก้ไขหลาย วิธีคือ

1.1.1 ใช้เครื่องบังแดดภายในอาคาร

– ใช้กันสาดในแนวตั้งและแนวนอน หรือการหลบแนวหน้าต่างเข้ามาภายใน

– สำหรับกระจกที่หันไปทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ควรติดกันสาดในแนวนอน

– ส่วนกระจกที่หันไปทางทิศเหนือและทิศใต้ ควรใช้กันสาดในแนวตั้ง

– ปลูกต้นไม้บังแดดสำหรับกระจก ทางด้านทิศตะวันออกและทิศตะวันตก

1.1.2 ใช้ผ้าม่านหรือมู่ลี่สีอ่อนบังแดดภายในด้านหลังกระจกโดยเลือกใช้มู่ลี่ชนิดใบอยู่ในแนว นอนสำหรับกระจกทางทิศเหนือหรือทิศใต้ ส่วนกระจกทางทิศตะวันออกหรือทิศตะวันตกควร ใช้มู่ลี่ชนิดใบอยู๋ในแนวดิ่ง

1.1.3 เลือกกระจกที่มีคุณสมบัติยอมให้แสงผ่านได้น้อย โดยกระจกที่หันไปทางทิศตะวันตก หรือตะวันออกควรใช้กระจกกรองแสงหรือแสงสะท้อน

1.1.4 พยายามใช้กระจกเท่าที่จำเป็นโดยเฉพาะด้านทิศตะวันออกและทิศตะวันตกของอาคาร

1.2 ผนังอาคารที่เป็นปูน

1.2.1 ทาสีด้านนอกด้วยสีขาวหรือสีอ่อนหรือใช้วัสดุผิวมัน เช่นกระเบื้องเคลือบเพื่อช่วยสะท้อน แสง

1.2.2 ควรปลูกต้นไม้หรือสร้างที่บังแดดเพื่อให้ร่มเงาแก่ผนัง

1.2.3 ผนังห้องปรับอากาศโดยเฉพาะด้านทิศตะวันออกหรือทิศตะวันตก ซึ่งไม่มีเงากำบังหรือ ห้องข้างเคียงเป็นห้องครัว หรือเป็นห้องที่มีความร้อนมากควรบุฉนวนกันความร้อน

1.3 ผนังอาคารที่เป็นไม้หากมีช่องห่างของไม้มากควรตีผนังด้านในด้วยไม้อัดเพื่อกันการผ่าน ของ ความร้อนจากภายนอกเข้ามาในอาคาร

2. การลดความร้อนผ่านหน้าต่าง

2.1 หน้าต่างควรมีเฉพาะทิศเหนือหรือทิศใต้ของอาคาร เพื่อลดการรับแสงแดดโดยตรง

2.2 ต้องพยายามไม่ให้มีรอยรั่วตามขอบประตูหน้าต่างหรือบริเวณฝ้าเพดาน

2.3 หน้าต่างส่วนที่เป็นกระจกให้ปรับปรุงตามข้อเสนอแนะของผนังกระจก

3. การลดความร้อนผ่านหลังคาและฝ้าเพดาน

3.1 หลังคาที่เป็นสังกะสีหรือกระเบื้อง ควรตีฝ้าหรือติดตั้งวัสดุสะท้อนความร้อน หรือบุฉนวน กันความร้อน เพื่อช่วยลดความร้อนที่จะแผ่เข้ามาในอาคาร

3.2 ถ้ามีช่องว่างระหว่างหลังคากับฝ้ามากควรเจาะช่องลมเพื่อระบายอากาศจะทำให้ประหยัด การปรับอากาศได้

4. การลดความร้อนผ่านพื้น หากเป็นพื้นไม้ควรอุดช่องระหว่างไม้ให้สนิท แอร์จะได้ไม่รั่ว ออกไป

5. การปรับปรุงในส่วนของรูปแบบอาคาร

5.1 ออกแบบและกำหนดทิศทางของอาคารให้อยู่ในลักษณะที่ความร้อนจากภายนอกเข้ามา ในอาคารน้อยที่สุด

5.2 การเลือกสีผนัง,เพดาน และเครื่องตกแต่งอาคารควรเป็นสีอ่อน เพื่อช่วยในการสะท้อน แสงทำให้ห้องสว่างและใช้ดวงไฟน้อยลง

5.3 อาคารที่มีพื้นที่หรือห้องซึ่งไม่ได้ใช้งานประจำอยู่ทางทิศตะวันตกจะช่วยกันความร้อน ไม่ให้เข้ามาถึงห้องที่ใช้สอยประจำ ทำให้ประหยัดพลังงานไฟฟ้าในการปรับอุณหภูมิห้องที่ ใช้สอยประจำลงได้

การลดความร้อนจากดวงไฟและอุปกรณ์ภายใน

1. พยายามใช้แสงธรรมชาติช่วยส่องสว่างภายในอาคารและควรจะปิดไฟที่ไม่จำเป็น

2. ภายในอาคารควรใช้สีอ่อน เพื่อช่วยในการสะท้อนแสงทำให้ใช้ดวงไฟน้อยลง

3. เลือกใช้หลอดไฟที่มีประสิทธิภาพการส่องสว่างสูง เช่น ใช้หลอดฟลูออเรสเซนต์แทน หลอดไฟแบบมีไส้

4. อุปกรณ์ที่ให้ความร้อนมากควรใช้นอกห้อง เช่น เตารีด เครื่องปิ้งขนมปัง หรือกาต้มน้ำ

5. ติดตั้งฝาครอบระบายอากาศ สำหรับเครื่องหุงต้มทุกชนิดถ้าจำเป็นต้องใช้ในห้องปรับอากาศ

วิธีใช้เครื่องปรับอากาศอย่างถูกต้อง

1. ตั้งอุณหภูมิให้เหมาะสมไม่เย็นจัดจนเกินไป โดยปกติขณะนอนหลับควรตั้งที่ 78 F (26 C) แต่ถ้าทำงานตั้งไว้ประมาณ 75 F (24 C)

2.ควรติดตั้งเทอร์โมสตัทให้ใกล้กับคอยล์ของอีวาพอเรเตอร์ในตำแหน่งลมกลับเข้าเครื่อง เพื่อทำให้การตัดต่อเป็นไปอย่างถูกต้อง

3. เริ่มต้นเปิดเครื่องควรปรับระดับความเร็วพัดลมที่ความเร็วสูง (Hi) ก่อนเพราะจะทำให้เย็น เร็วพอเย็นได้ที่แล้วควรปรับลดไปเป็นลมต่ำ (Low)

4. ควรปิดประตู หน้าต่าง ให้มิดชิดอย่าเปิดหน้าต่างทิ้งไว้ เพราะความร้อนจะเข้ามา

5. เปิดใช้เครื่องปรับอากาศเฉพาะส่วนและในเวลาที่จำเป็น ช่วงที่อากาศไม่ค่อยร้อนให้ปิดเครื่องปรับอากาศ แล้วเปิดหน้าต่างเพื่อให้ลมพัดถ่ายเท

6. หมั่นล้างทำความสะอาดคอยล์ รวมทั้งแผงกรองอากาศให้สะอาดอยู่เสมอ

7. อย่าให้มีสิ่งกีดขวางทางลมทั้งที่แฟนคอยล์ยูนิต(ชุดที่อยู่ในห้อง)

วีดีโอการติดตั้งเครื่องปรับอากาศ

https://www.youtube.com/watch?v=L7tRRQrGJh4

Posted in สาระน่ารู้ | Leave a comment

แนะนำเว็บไซด์

เว็บไซด์นี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ข้อมูลวิชาเครื่องปรับอากาศ

Posted in ข่าวประกาศ | Leave a comment